เวย์โปรตีน เหมาะกับใคร?
เวย์โปรตีน อาหารเสริมยอดนิยมสำหรับคนเล่นกล้าม แต่ที่จริงแล้ว เวย์โปรตีน ไม่ได้มีสำหรับคนที่เล่นกล้ามอย่างเดียว คนทั่ว ๆ ก็สามารถกินเวย์โปรตีนได้ แต่ชักจะสงสัยแล้วสิ ว่า เวย์โปรตีนมันมีกี่ชนิด แล้วทุกคนจำเป็นต้องกินเวย์โปรตีนด้วยรึเปล่านะ
เวย์โปรตีน คืออะไร
เวย์โปรตีน คือ แหล่งของโปรตีนคุณภาพสูง ที่เต็มไปด้วยสารอาหารที่สำคัญ และกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย สกัดได้จากนมวัว โดยการสกัดนี้ได้นำเอาคาร์โบไฮเดรตและไขมันออกไป ให้เหลือแค่โปรตีนอย่างเดียว เพื่อให้ร่างกายได้รับโปรตีนที่ครบถ้วนต่อความต้องการในแต่ละวัน จากนั้นก็นำมาผ่านกระบวนการทำให้แห้งเพื่อให้เป็นผง และสามารถเก็บไว้ได้นาน รวมทั้งชงทานได้อย่างง่ายดาย
เวย์โปรตีน แบ่งออกเป็น 3 ชนิด
1 เวย์โปรตีนคอนเซนเทรต (WPC-Whey Protein Concentrate)
เวย์โปรตีนชนิดนี้ จะมีความเข้มข้นอยู่ประมาณ 70-80% เป็นผงสีครีมอ่อน และมีกลิ่นรสตามธรรมชาติแบบนม เต็มไปด้วยกรดอะมิโนครบทั้ง 20 ชนิด และกรดอะมิโนจำเป็นอีก 8 ชนิดที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้ ทำให้กล้ามเนื้อใหญ่ขึ้น ป้องกันการติดเชื้อ และเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
2 เวย์โปรตีนไอโซเลต (WPI-Whey Protein Isolate)
เวย์โปรตีนชนิดนี้ได้จากการนำ เวย์โปรตีน คอนเซนเทรท มาผ่านกระบวนการผลิตเพิ่มเติม ทำให้มีความเข้มข้นของโปรตีนสูงขึ้นไปอีก มากกว่า 90% เป็นผงสีครีมอ่อน และมีกลิ่นธรรมชาติแบบนมเหมือนกัน เวย์โปรตีนชนิดนี้จะมีราคาที่ค่อนข้างสูง แต่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสร้างมวลกล้ามเนื้อโดยเฉพาะ
3 เวย์โปรตีนไฮโดรไลซ์ (HWP-Hydrolyzed Whey Protein)
เป็นเวย์โปรตีน ที่ผ่านกระบวนการไฮโดรไลซ์ ทำให้โมเลกุลของเวย์โปรตีนที่มีขนาดใหญ่ ถูกย่อยจนเป็นเปปไทด์ ทำให้มีโปรตีนบริสุทธิ์สูงถึง 100% ซึ่งมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์บอกด้วยว่า เวย์โปรตีนในรูปแบบของเปปไทด์นั้นร่างกายจะดูดซึมได้ดีที่สุด ซึ่งมีงานวิจัยทางคลินิกแสดงให้เห็นว่าเวย์โปรตีน สามารถช่วยส่งเสริมภาวะโภชนาการ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโรคมะเร็งดีขึ้นได้ โดยส่วนมากแล้ว มักจะนำไปผสมกับเวย์ชนิดอื่น ตามสูตรของแต่ละคน เพื่อให้ง่ายต่อการรับประทานเพราะเวย์ชนิดนี้จะมีรสขม
สัญญาณเตือนร่างกายต้องกินโปรตีน
เพิ่มแล้วลองเช็คกันดู
1.ผมร่วงเยอะกว่าปกติ
การที่ผมร่วง หรือผมสุขภาพไม่ดี สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อร่างกายได้รับโปรตีนน้อยเกินไป เนื่องจากเส้นผมต้องการโปรตีนเพื่อไปสร้างความแข็งแรงให้กับรากผม ดังนั้นถ้าหากไม่อยากให้ผมร่วงไปมากกว่านี้ล่ะก็ ควรทานโปรตีนให้มากขึ้น
2.ผิวแห้ง ผิวหยาบ เล็บเปราะ
การได้รับโปรตีนไม่เพียงพอยังส่งผลให้ผิวหนังแห้งกร้าน ไม่มีความยืดหยุ่น ผิวเหี่ยวย่นจนสังเกตเห็นถึงความผิดปกติได้อย่างชัดเจน และเล็บเปราะหัดง่ายอีกด้วย
3.อ่อนเพลียง่าย
เมื่อได้รับโปรตีนไม่เพียงพอ ร่างกายจะอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หายใจถี่ เมื่อยล้า โดยโปรตีนถือเป็นส่วนประกอบสำคัญหนึ่งของฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นส่วนประกอบของเม็ดเลือดแดง และมีหน้าที่สำคัญในการลำเลียงออกซิเจนไปยังอวัยวะบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย
4.ป่วยบ่อย
หากร่างกายขาดโปรตีน คุณอาจป่วยง่ายขึ้นและบ่อยขึ้น เนื่องจากร่างกายต้องการโปรตีนเพื่อนำไปสร้างกล้ามเนื้อ และช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ซึ่งเมื่อร่างกายแข็งแรงแล้ว ภูมิคุ้มกันเราก็จะเพิ่มขึ้นด้วย
5.แผลหายช้า
หากคุณได้รับบาดเจ็บอยู่บ่อยครั้ง และหายช้าเกินไป อาจเป็นสาเหตุมาจากร่างกายได้รับโปรตีนไม่เพียงพอ เนื่องจากโปรตีนมีส่วนช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อ ดังนั้นหากใครพบปัญหานี้อยู่ ให้ลองสำรวจตัวเองดูว่าทานโปรตีนมากพอหรือยัง
6.สูญเสียมวลกล้ามเนื้อ
โดยปกติ เมื่อร่างกายได้รับโปรตีนในปริมาณที่ไม่เพียงพอ ร่างกายจะนำโปรตีนที่สะสมไว้ในกล้ามเนื้อลาย (Skeletal Muscles) มาใช้แทน การขาดโปรตีนเป็นระยะเวลานานจึงอาจส่งผลให้กล้ามเนื้อมีขนาดเล็กลงเรื่อย ๆ หรือที่เราเห็นคนที่ผอมมีแต่กระดูกดูไม่มีน้ำมีนวลนั้นเอง
————————————————————————หมั่นดูแลตัวเองและรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่กันนะคะ จะได้สวยหล่อดูดีกันทุกคนเลย
โปรตีน คือสารอาหารที่ประกอบด้วยกรดอะมิโนจำเป็นสำหรับร่างกาย มีหน้าที่สร้างความแข็งแรงและช่วยในการทำงานของกระดูก กล้ามเนื้อ และผิวหนัง แม้ร่างกายของคนเราจะสามารถสร้างกรดอะมิโนได้เอง 9 ชนิด แต่ก็ยังจำเป็นต้องได้รับกรดอะมิโนอีก 11 ชนิดเพิ่มเติมจากอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ถั่วชนิดต่าง ๆ รวมถึงข้าวและธัญพืช ซึ่งประกอบด้วยกรดอะมิโนจำเป็นอย่างครบถ้วนและเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
หลายคนอาจสงสัยว่าโปรตีนจากสัตว์และโปรตีนจากพืชสามารถทดแทนกันได้หรือไม่ โปรตีนจากทั้ง 2 แหล่งนี้มีความแตกต่างกัน โปรตีนจากสัตว์หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เช่น นมและไข่นั้นเป็นโปรตีนสมบูรณ์ ประกอบด้วยกรดอะมิโนที่ร่างกายต้องการอย่างครบถ้วน ในขณะที่โปรตีนจากพืชส่วนใหญ่เป็นโปรตีนไม่สมบูรณ์ ผู้ที่เลี่ยงการรับประทานโปรตีนจากสัตว์จึงควรรับประทานถั่ว ธัญพืช ผักและผลไม้ให้หลากหลายในแต่ละวัน เพื่อจะได้รับกรดอะมิโนที่ร่างกายต้องการครบถ้วน หรือเลือกรับประทานโปรตีนจากถั่วเหลืองซึ่งเป็นพืชที่มีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วนเป็นหลัก
ความสำคัญของโปรตีน
องค์ประกอบสำคัญในทุก ๆ เซลล์ของร่างกาย ทั้งกระดูก กระดูกอ่อน กล้ามเนื้อ ผิวหนัง เลือด หรือแม้แต่เส้นผมและเล็บประกอบขึ้นด้วยโปรตีนเป็นหลัก ส่วนในด้านการทำงานของร่างกายนั้นโปรตีนมีหน้าที่สร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ทั้งยังช่วยสังเคราะห์เอนไซม์ ฮอร์โมน และสารเคมีต่าง ๆ คงความสมดุลของของเหลวในร่างกาย รวมถึงหน้าที่ที่สำคัญอย่างการสร้างสารภูมิต้านทานเพื่อต่อต้านการติดเชื้อ การแข็งตัวของเลือด และการก่อตัวของแผลเป็น
โปรตีนเป็นสารอาหารหลักที่ร่างกายต้องการในปริมาณมากในแต่ละวันเช่นเดียวกับไขมันและคาร์โบไฮเดรต ส่วนวิตามินและแร่ธาตุนั้นเป็นสารอาหารรองที่ต้องการเพียงปริมาณเล็กน้อยต่อวัน นอกจากนี้ โปรตีนยังแตกต่างจากสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตและไขมันตรงที่ร่างกายของคนเราจะไม่สามารถเก็บสะสมโปรตีนไว้ใช้ในภายหลังได้อย่างคาร์โบไฮเดรตและไขมัน การได้รับสารอาหารโปรตีนอย่างครบถ้วนในแต่ละวันถือเป็นสิ่งสำคัญทีเดียว
ปริมาณโปรตีนที่ร่างกายต้องการต่อวัน
ปริมาณโปรตีนที่ร่างกายต้องการต่อวันนั้นขึ้นอยู่กับอายุ เพศ สุขภาพ น้ำหนัก พฤติกรรมการเคลื่อนไหวร่างกายและกิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน ซึ่งเป็นตัวกำหนดว่าในแต่ละวันควรได้รับพลังงานกี่แคลอรี่ หญิงสุขภาพดีโดยทั่วไปจะต้องการโปรตีนอย่างต่ำวันละ 50 กรัม ส่วนผู้ชายประมาณ 60 กรัม แต่หากรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูงก็อาจได้รับปริมาณมากกว่านั้น ทั้งนี้ ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางประการ เช่น ผู้ป่วยโรคไต อาจต้องการโปรตีนในปริมาณที่แตกต่างจากปกติ
อาหารเสริมจากโปรตีนจำเป็นหรือไม่
โปรตีนอีกชนิดที่เริ่มนิยมรับประทานมากขึ้นในปัจจุบันก็คือโปรตีนผง โปรตีนแท่ง ซึ่งเป็นอาหารเสริมจากโปรตีนชนิดต่าง ๆ เช่น เวย์โปรตีน โปรตีนเคซีน หรือโปรตีนถั่วเหลือง เหล่านี้ต่างก็เป็นโปรตีนสมบูรณ์ โดยผู้ที่ไม่รับประทานสัตว์บางคนจะนิยมโปรตีนจากถั่วเหลืองมากกว่าชนิดอื่น แต่อาหารเสริมโปรตีนจากถั่วเหลืองบางชนิดอาจมีรสชาติที่ไม่พึงประสงค์นักและละลายได้ไม่ค่อยดีในน้ำ
สำหรับข้อสงสัยที่ว่าโปรตีนเหล่านี้ควรรับประทานหรือไม่และให้ผลดีอย่างไร แท้จริงแล้วโปรตีนเสริมก็อาจมีประโยชน์ในบางกรณี เพราะเป็นโปรตีนที่สมบูรณ์และมีคุณภาพสูง ทว่าคนส่วนใหญ่หรือแม้แต่นักกีฬาเองก็รับสารอาหารโปรตีนได้อย่างครบถ้วนจากแหล่งอาหารทั่วไปอย่างเนื้อวัว หมู ไก่ ปลา ไข่ และผลิตภัณฑ์จากนมอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้มีความจำเป็นเพียงบางกรณีเท่านั้นที่แนะนำให้ใช้โปรตีนเสริม ได้แก่
อะไรคือ BCAAs?
BCAAs คือการเรียงตัวกันของโปรตีนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็นกลุ่มของกรดอะมิโนที่ร่างกายจำเป็นต้องใช้ในการซ่อมแซมหรือสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมาใหม่ ซึ่งในจำนวนทั้งหมด 20 ประเภทนั้น ส่วนใหญ่แล้วร่างกายสามารถผลิตเองได้ แต่มีที่ร่างกายไม่สามารถผลิตได้ อย่างเช่น ลิวซีน (Leucine) วาลีน (Valine) และ ไอโซลิวซีน (Isoleucine) ซึ่งสารเหล่านี้ได้มาจากการรับประทานอาหารเข้าไป หรือมาจากพวกอาหารเสริม
อะไรคือประโยชน์ของการได้รับ BCAA’s อย่างพอเพียง
1.BCAAs หลักๆ ถูกใช้อย่างแพร่หลายเพื่อวัตถุประสงค์ในการช่วยการเติบโตของกล้ามเนื้อ
ในงานวิจัยหนึ่งพบว่าคนที่ดื่มเครื่องดื่มที่มี BCAAs 5.6 กรัม หลังจากออกกำลังแบบใช้แรงต้าน มีอัตราการสังเคราะห์โปรตีนในกล้ามเนื้อมากกว่า 22% เมื่อเปรียบเทียบกับอีกคนที่ดื่มเครื่องดื่มชนิดเดียวกันแต่ไม่มีส่วนผสมของ BCAAs แต่ถึงแม้ว่า BCAAs จะช่วยเพิ่มการสังเคราะห์โปรตีนกล้ามเนื้อได้ก็ตาม สารเหล่านี้ยังจำเป็นต้องพึ่งพากรดอะมิโนอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตัวมันเองให้ได้สูงสุด อย่างเช่นกรดอะมิโนที่เราพบได้จากแหล่งอาหารโปรตีน เช่น เนื้อไก่ ดังนั้นการกินอาหารเสริมอย่างเดียวโดยปราศจากอะมิโนอื่นจึงไม่ช่วยอะไร
2. ลดอาการเจ็บปวดของกล้ามเนื้อ
บางงานวิจัยแนะนำว่า BCAAs สามารถลดอาการเจ็บเมื่อยล้าหลังจากออกกำลังกายได้ เป็นเรื่องปกติที่ร่างกายจะมีอาการเจ็บ ปวดล้า หลังจากออกกำลังไป 1-2 วัน โดยเฉพาะหากเป็นการออกกำลังแบบใหม่ที่แตกต่างไปจากกิจวัตรเดิมๆ การเจ็บปวดของกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย เรียกว่า Delayed onset muscle soreness (DOMS) ซึ่งจะมีอาการหลังจากออกกำลังกายไปแล้ว 12-14 ชั่วโมง และอาการจะกินเวลาไปได้ถึง 72 ชั่วโมงเลยทีเดียว
3. ลดความเหนื่อยล้าจากการออกกำลังกาย BCAAs
ช่วยในเรื่องของการลดอาการเจ็บของกล้ามเนื้อและยังลดอาการเหนื่อยล้าหลังออกกำลังได้อีกด้วย ทุกคนล้วนมีประสบการณ์เกี่ยวกับความเหนื่อยล้าและอ่อนแรงหลังจากออกกำลังกายมาแล้วไม่มากก็น้อย การจะฟื้นตัวจากอาการเหล่านั้นได้เร็วแค่ไหน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยด้วยกัน ขึ้นอยู่กับความหนักและระยะเวลา สภาพแวดล้อม ภาวะโภชนาการ และระดับความแข็งแรงของร่างกาย
4. ป้องกันอาการกล้ามเนื้อสลาย
BCAAs ช่วยป้องกันการสลายของกล้ามเนื้อได้ โปรตีนในกล้ามเนื้อนั้นมีการเสื่อมอยู่ตลอดเวลาและในขณะเดียวกันก็มีการสร้างขึ้นมาใหม่ อาการกล้ามเนื้อสลายเกิดขึ้นเมื่อการเสื่อมของโปรตีนในกล้ามเนื้อนั้นมากกว่าอัตราการสังเคราะห์โปรตีนขึ้นมาทดแทน อาการกล้ามเนื้อสลายเป็นสัญญาณจากการขาดสารอาหาร และอาการติดเชื้อเรื้อรัง มะเร็ง การงดอาหาร หรือกระบวนการเสื่อมถอยตามธรรมชาติจากอายุที่เพิ่มขึ้น
ในร่างกายมนุษย์ BCAAs นั้นมีสัดส่วนถึง 35% ในโปรตีนกล้ามเนื้อ และมีสัดส่วนถึง 40% ของกรดอะมิโนที่ร่างกายต้องการโดยรวม ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ร่างกายจะต้องได้รับโปรตีนทดแทนอย่างทันท่วงทีเพื่อป้องกัน และชะลอ หรือหยุดอาการกล้ามเนื้อสลาย
5. มีประโยชน์สำหรับผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับตับ
BCAAs นั้นยังสามารถช่วยในด้านสุขภาพให้กับผู้ป่วยโรคตับแข็งและโรคเรื้อรังที่เกิดจากการทำงานผิดปกติของตับ เมื่อตับไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ มันจะไม่สามารถกำจัดของเสียจากเลือดได้ ซึ่ง BCAAs นั้นสามารถช่วยให้ร่างกายกำจัดของเสียจากเลือดให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
อยากลดน้ำหนักหรอ ? กินโปรตีน ช่วยลดน้ำหนักสิ... เคยสงสัยไหมว่าทำไมคนที่ชอบออกกำลังกาย หรือชอบเข้าฟิตเนสต้องกินโปรตีนหรือเวย์โปรตีนเป็นประจำ จนทำให้หลายคนเข้าใจว่าโปรตีนเป็นสัญลักษณ์ของการลดน้ำหนัก โดยเฉพาะสาวๆ ที่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย หลายคนตัดสินใจกินโปรตีนเพื่อหวังผลให้น้ำหนักลดลงและมีรูปร่างที่ดีขึ้น
แต่รู้หรือไม่ ! การกินโปรตีนไม่ถูกวิธีนอกจากไม่ทำให้น้ำหนักลดลงแล้ว อาจให้ผลลัพธ์ในทิศทางตรงกันข้ามอีกด้วย ดังนั้น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อร่างกาย เรามาทำความรู้จักโปรตีนให้ดีก่อนกินเพื่อลดน้ำหนักกันดีกว่า
โปรตีน เป็นหนึ่งในสารอาหาร 5 หมู่ที่ร่างกายจำเป็นต้องได้รับในแต่ละวัน และต้องการในปริมาณมากเช่นเดียวกับคาร์โบไฮเดรตและไขมัน เป็นส่วนประกอบพื้นฐานสำคัญของร่างกายอย่างกล้ามเนื้อ ฮอร์โมน เอนไซม์ เม็ดเลือด กระดูก ผิวหนังและเส้นผม มีหน้าที่สร้างความแข็งแรง ช่วยในการเจริญเติบโต ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย เราสามารถรับโปรตีนเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายที่สุดด้วยการทานเนื้อสัตว์ นม ไข่ และพืชตระกูลถั่ว ซึ่งโปรตีน 1 กรัม จะให้พลังงานอยู่ที่ 4 กิโลแคลอรี่
โปรตีนเป็นองค์ประกอบหนึ่งของกล้ามเนื้อ และกล้ามเนื้อเป็นส่วนหนึ่งของการเผาผลาญพลังงาน ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือโปรตีนเป็นตัวเร่งการเผาผลาญนั่นเอง หากร่างกายขาดโปรตีนก็สามารถทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้เพราะองค์ประกอบกล้ามเนื้อที่ลดน้อยลง การเผาผลาญพลังงานจึงลดลงตามไปด้วย นอกจากนี้การได้รับโปรตีนไม่เพียงพอยังทำให้ร่างกายเสื่อมโทรม สุขภาพย่ำแย่ ผิวเหี่ยวและแก่เร็วเพราะไม่มีโปรตีนไปช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอนั่นเอง โปรตีนจึงมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการช่วยลดน้ำหนัก
ดังนั้น เราจึงเห็นได้ว่าคนที่ชอบออกกำลังกายหรือเข้าฟิตเนสเป็นประจำต้องทานโปรตีนเพิ่ม เพื่อรักษามวลกล้ามเนื้อที่สูญเสียไปพร้อมกับไขมันในขณะที่ออกกำลังกาย และรักษาระบบการเผาผลาญให้อยู่ในระดับที่สมดุลนั่นเอง ซึ่งการรักษาระดับการเผาผลาญให้ร่างกายคงที่หรือสมดุลเสมอนี้ เป็นอีกเคล็ดลับลดน้ำหนักที่จะช่วยให้ไม่เกิดเอฟเฟคโยโย่ตามมาได้
โดยปกติสัดส่วนในการทานโปรตีนต้องให้ได้ 1 ส่วน 4 ของอาหารที่เราทานในแต่ละมื้อ แต่ไม่เพียงกินให้ได้ 1 ส่วน 4 ของแต่ละมื้อเท่านั้น น้ำหนักตัวของแต่ละคนก็สามารถบ่งบอกปริมาณที่ควรกินโปรตีนในแต่ละวันด้วยเช่นกัน โดยทั่วไปแพทย์จะแนะนำว่าควรทานโปรตีน 1.0 กรัม ต่อน้ำหนัก 1 กิโลกรัม เช่น หากน้ำหนัก 50 กิโลกรัม ต้องทานโปรตีนให้ได้อย่างน้อย 50 กรัม แต่หากในแต่ละวันมีการขยับตัวเยอะ หรือมีการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก ให้เพิ่มโปรตีนไปอีก 2-3 เท่า เพื่อให้โปรตีนได้เข้าไปทดแทนกล้ามเนื้อที่สูญเสียไป ก็จะช่วยให้การลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพควบคู่ไปกับการมีสุขภาพที่ดี ไม่ทำให้ร่างกายดูโทรมอีกด้วย
จากงานวิจัยในปี 2005 โดย Weigle et al. ได้มีการทดลองโดยให้กลุ่มผู้ทดลองกินอาหารโดยเพิ่มปริมาณโปรตีนให้มากขึ้น และกินแป้งกับแคลอรีเท่าเดิม พบว่าผู้เข้าร่วมการทดลองมีความรู้สึกหิวหรืออยากอาหารลดลงในระหว่างวัน นอกจากนี้ยังมีอีกหลายงานวิจัยที่ทดลองให้ผู้เข้าร่วมกินโปรตีนมากกว่าคาร์โบไฮเดรตและไขมัน ก็พบว่ามีความรู้สึกหิวน้อยลง
ซึ่งจากข้อมูลการวิจัยต่างๆ พบว่าความรู้สึกหิวหรืออยากอาหารลดลงเป็นผลมาจากโปรตีนไปกระตุ้นฮอร์โมนเลปติน (Leptin Hormone) หรือฮอร์โมนแห่งความอิ่มหลั่งออกมาเพิ่มขึ้น จึงทำให้รู้สึกอิ่มไวและอิ่มนานมากขึ้น มากกว่านั้นโปรตีนยังช่วยลดปริมาณฮอร์โมนเกรลิน (Gherlin Hormone) หรือฮอร์โมนแห่งความหิวให้ลดลงได้อีกด้วย ซึ่งเป็นอีกเคล็ดลับลดน้ำหนักที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีและมีประสิทธิภาพ
สำหรับหลายคนที่คิดว่าการทานโปรตีนช่วยลดน้ำหนักได้ ยิ่งกินเยอะจะยิ่งผอมและมีสุขภาพที่ดี นั่นเป็นอีกหนึ่งความเข้าใจผิดที่ต้องทำความเข้าใจกันใหม่ เพราะโปรตีนเป็นแหล่งอาหารที่ให้พลังงานแคลอรีแก่ร่างกายเช่นกัน โดยโปรตีน 1 กรัม จะให้พลังงานอยู่ที่ 4 กิโลแคลอรี ซึ่งหากทานมากเกินกว่าที่ร่างกายเผาผลาญออกไป แน่นอนว่าน้ำหนัก ความอ้วน รูปร่างที่อวบขึ้น สัดส่วนไม่กระชับถามหาได้เช่นกัน ดังนั้น ควรทานโปรตีนในสัดส่วนที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันก็เพียงพอ
ปกติเราสามารถเติมโปรตีนให้กับร่างกายได้ทั้งจากเนื้อสัตว์ นม ไข่ และจากพืชตระกูลถั่ว แต่ปัจจุบันเราสามารถหาโปรตีนกินเสริมได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้นในรูปแบบผง ชงพร้อมดื่ม ซึ่งโปรตีนผงเหล่านี้ก็มีทั้งเวย์โปรตีน เคซีนโปรตีน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ได้จากนม และโปรตีนถั่วที่ได้จากพืชตระถั่วต่างๆ ซึ่งจะมีราคาสูงกว่า แต่โปรตีนเหล่านี้มีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี อีกทั้งกรดอะมิโนจำเป็นต่อร่างกายที่ได้จากการย่อยโปรตีนก็แตกต่างกัน เพราะฉะนั้น หากอยากมีสุขภาพดีควบคู่ไปกับหุ่นดี แนะนำให้กินโปรตีนจากหลากหลายแหล่ง เพื่อให้ร่างกายได้รับกรดอะมิโนจำเป็นที่แตกต่างกัน
การทานโปรตีนในแต่ละช่วงเวลาก็ให้ประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักแตกต่างกัน เพื่อให้การกินโปรตีน ลดน้ำหนักได้ผลดีและมีสุขภาพดีควบคู่กัน มาดูช่วงเวลาที่โปรตีนให้ผลลัพธ์ที่ต้องการได้ดังนี้
การกินโปรตีนในขณะออกกำลังกายที่มีการใช้แรงต้านสูงอย่างการยกเวท เพาะกาย รวมถึงบอดี้เวท ที่เป็นการช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ลดไขมันได้ดีที่สุด แถมยังช่วยลดอาการบาดเจ็บได้อีกด้วย
อ้างอิงจากงานวิจัย International Society of Sports Nutrition การรีบกินโปรตีนภายในเวลา 2 ชั่วโมง หลังการออกกำลังกายจะช่วยสร้างกล้ามเนื้อ อีกทั้งยังเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายสามารถดูดซึมโปรตีนและสารอาหารต่างๆ ได้ดี ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญให้ดีได้อย่างต่อเนื่อง
ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของคนกินโปรตีน ลดน้ำหนัก เพราะในขณะที่ท้องว่างร่างกายจะดูดซึมโปรตีนไปใช้ประโยชน์ได้ดีมาก ลดความอยากอาหารในระหว่างวัน และช่วยควบคุมแคลอรีในการลดความอ้วนในแต่ละวันได้ดี
· โปรตีนเป็นสารอาหารหลักใน 5 หมู่โภชนาการที่เป็นหนึ่งในตัวเร่งการเผาผลาญและช่วยลดน้ำหนักได้
· โปรตีนช่วยลดน้ำหนักได้ทางอ้อม ต้องกินควบคู่ไปกับการออกกำลังกายจึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
L-Glutamine คืออะไร
L-Glutamine เป็นกรดอะมิโนที่จำเป็น (Essential Amino Acids) และเป็นกรดอะมิโนที่มีมากที่สุดในร่างกาย โดยมากกว่า 60% ของ L-Glutamine จะอยู่ในเซลล์กล้ามเนื้อ (Skelaton Muscle) ดังนั้น L-Glutamine จึงเป็นกรดอะมิโน ที่เป็นโครงสร้างหลักของโปรตีนที่เป็นส่วนประกอบหลัก ของเซลล์กล้ามเนื้อ L-Glutamine ทำหน้าที่เป็นกรดอะมิโนที่ ไปกระตุ้นให้มีการหลั่งฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต (Growth Hormone) ซึ่งจะไปกระตุ้นให้ร่างกายมีการสังเคราะห์โปรตีน เพื่อเสริมสร้างเซลล์กล้ามเนื้อและช่วยซ่อมแซมเซลล์กล้ามเนื้อ ที่สึกหรอ ช่วยให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อพัฒนาการและการเจริญเติบโต มีส่วนช่วยเรื่องความสูง
ประโยชน์ของ L-Glutamine
– ช่วยกระตุ้นให้มีการหลั่งฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต (Growth Hormone) จากต่อมใต้สมอง (Pituitary Grand)ทำหน้าที่เป็นสารตั้งต้น (Precursor) ในการผลิตสารสื่อประสาท (Neurotransmitter) คือ Glutamate และ GABA ( Gamma-Aminobutyric Acid ) และนอกจากนี้ Glutamine ยังเป็นสารที่จำเป็นจะต้องใช้ สำหรับการล้างพิษสารแอมโมเนียที่เกิดขึ้น จากการทำงานหนักของสมอง
– ช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้น โดยการเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาว
– ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายมีการสังเคราะห์โปรตีน และช่วยในการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อ
– ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอเนื่องจากการออกกำลังกาย และลดอาการอ่อนล้าของกล้ามเนื้อ
อินนูลิน ( Inulin ) คือ พรีไบโอติก ( prebiotic ) มีเส้นใยอาหารชนิดหนึ่งที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่มีประโยชน์ พบตามธรรมชาติในหัวหรือรากของพืช ผัก ผลไม้ และสมุนไพรบางชนิด มีคุณสมบัติพิเศษละลายน้ำได้ที่สำคัญมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย อินนูลินสามารถเพิ่มจำนวนของแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ของคุณสามารถช่วยลดจำนวนแบคทีเรียที่ไม่ดีที่สามารถนำไปสู่อาการต่าง ๆ รวมถึงการอักเสบและลดการดูดซึมสารอาหารได้อีกด้วย
1. Vitamin B3 หรือ Niacinamide (ไนอะซินาไมด์) เป็นวิตามินบี 3 รูปแบบหนึ่งที่นิยมใช้เป็นสารบำรุงผิว และยังพบในอาหารเสริมสำหรับคนที่ขาดวิตามินบี 3 โดยมีงานวิจัยหลายชิ้นที่ศึกษาถึงประโยชน์ของ Niacinamide ในด้านการดูแลผิวพรรณให้เรียบเนียนและชะลอวัย
2. Vitamin B6 หรือ Pyridoxine Hydrochloride (ไพริด็อกซิน )
เป็นสารอาหารชนิดหนึ่งซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสารสื่อประสาท 2 ชนิดที่สำคัญต่อการทำงานของร่างกาย ได้แก่ สารเซโรโทนิน (Serotonin) สารเคมีที่จำเป็นต่อสมองและระบบประสาท มีผลต่อกระบวนการคิด พฤติกรรม และอารมณ์ หากร่างกายของเรามีสารเซโรโทนินในปริมาณที่เหมาะสมก็จะช่วยให้สุขภาพจิตดี อารมณ์คงที่ และมีสมาธิที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น ส่วนสารสื่อประสาทอีกชนิดก็คือนอร์อิพิเนฟริน (Norepinephrine) ซึ่งทำหน้าที่กระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อหลอดเลือดหัวใจและควบคุมความดันโลหิต
นอกจากนี้ วิตามินบี 6 ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายในการสร้างแอนติบอดีและเม็ดเลือดแดง รวมถึงการสร้างน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร ด้วยเหตุนี้ในปัจจุบันจึงได้มีการผลิตอาหารเสริมวิตามินบี 6 เพื่อป้องกันโรคที่เกิดจากการขาดวิตามินชนิดนี้ ไม่ว่าจะเป็นโรคโลหิตจาง โรคผื่นผิวหนังอักเสบ โรคที่เกี่ยวข้องกับทางเดินอาหาร และยังส่งผลให้เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายเสื่อมสภาพ
3. Vitamin B1 หรือ Thiamine Hydrocchloride ไทแอมีนเป็นวิตามิน (vitamin) ที่ละลายน้ำชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต มีหน้าที่สำคัญ คือ เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาในการเผาผลาญอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต โปรตีนและไขมัน ทำให้เกิดพลังงานเพื่อให้ร่างกายสามารถทำงานได้ นอกจากนี้ ยังมีส่วนสำคัญของระบบประสาทโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านนำกระแสความรู้สึกของเส้นประสาท ถ้ร่างกายได้รับวิตามินบีหนึ่งไม่เพียงพอจะทำให้เป็นโรคเหน็บชา โรคนี้เกิดได้กับบุคคลทุกกลุ่มอายุ สำหรับเด็กทารกถ้าเป็นโรคเหน็บชา ( Infantileberiberi) จะมีอัตราการเสียชีวิตสูง หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันต่อโรค ซึ่งพบได้มากในประเทศ
ที่ประชาชนรับประทานข้าวที่ขัดสีเป็นข้าวขาวเป็นอาหารหลัก โดยไม่รับอาหารอื่นที่มีวิตามินบีหนึ่งเสริม
อย่างเพียงพอ
4. Vitamin B2 หรือ ไรโบเฟลวิน ( Riboflavin ) คือวิตามินชนิดที่ละลายในน้ำได้ ช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย จำเป็นต่อเอนไซม์และกระบวนการสร้างเมแทบอลิซึมของสารอาหารต่างๆ เช่น ไขมัน เป็นสารอาหารที่ช่วยป้องกันไขมันอุดตันในเส้นเลือดและทำให้เส้นเลือดแข็งตัว
5.Vitamin C หรือ Ascorbic Acid คือ วิตามินชนิดละลายน้ำได้ แต่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นมาเอง จึงจำเป็นต้องได้รับวิตามินซีจากแหล่งต่างๆ เช่น ในอาหารและอาหารเสริมต่างๆ มีหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่ช่วยป้องกันเซลล์จากความเสียหายที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย และช่วยในการซ่อมแซมฟื้นฟูและการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อด้วย ช่วยทำให้แผลสมานและหายเร็วขึ้น และช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกายเราแข็งแรงขึ้นได้อีกด้วย
6.แคลเซียม หรือ Calcium Pantothenate
แคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่เกี่ยวข้องกับกระดูกและฟันที่แข็งแรง นอกจากนี้แคลเซียมยังมีบทบาทสำคัญในการแข็งตัวของเลือด ช่วยให้กล้ามเนื้อหดตัว ควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ และการทำงานของเส้นประสาทตามปกติการขาดแคลเซียมจะทำให้เกิดปัญหาโรคกระดูกในเด็ก และโรคกระดูกพรุนในผู้ใหญ่
7.Vitamin B12
วิตามินบี 12 หรือโคบาลามิน (Cobalamin) เป็นวิตามินชนิดหนึ่งที่ละลายได้ในน้ำ ส่วนใหญ่แล้วจะพบในอาหารจำพวก เนื้อ ปลา ไข่ นม ตับ เป็นต้น ซึ่งวิตามินบี 12 นั้น มีบทบาทสำคัญในกระบวนการสร้างเม็ดเลือดแดง รวมถึงมีส่วนช่วยให้การทำงานของระบบประสาทเป็นไปได้อย่างปกติด้วย
เนื่องจากร่างกายของเราไม่สามารถสังเคราะห์วิตามินบี 12 ได้เอง จึงจำเป็นต้องได้รับผ่านทางอาหารหรืออาหารเสริมเท่านั้น หากเราได้รับวิตามินบี 12 ไม่เพียงพอ อาจทำให้เกิดการขาดวิตามินบี 12 ซึ่งส่งผลเสียต่อร่างกายได้
เมื่อทุกคนที่เริ่มคิดอยากดูแลตัวเองคงจะแอบคิดเหมือนกันว่าเอ๊ะ แล้วเราจะเริ่มกันที่ตรงไหน?
วันนี้เอ็นโปรเวย์ จะมาบอกการเริ่มต้นง่ายๆที่ทุกคนก็ทำได้ มาเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดูดีมีออร่ากันเถอะ
เพียง 3 เริ่มง่ายๆ
✅1.เริ่มจากการพักผ่อนให้เพียงพอ
ชั่วโมงการนอนหลับที่เพียงพอของแต่ละวัย
18-25 ปี ชั่วโมงการนอนที่เหมาะสม 7-9 ชั่วโมง
26-64 ปี ชั่วโมงการนอนที่เหมาะสม 7-9 ชั่วโมง
65 ปีขึ้นไป ชั่วโมงการนอนที่เหมาะสม 7-8 ชั่วโมง
โดยการนอนหลับที่เพียงพอนั้น คือการที่เรานอนแล้วรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเอง และสามารถใช้ชีวิตประจำวัน ทำกิจกรรมต่างๆได้แบบไม่อ่อนเพลีย และการนอนหลับที่มีคุณภาพดีในช่วงเวลาที่เหมาะสมยังสร้าง โกร๊ธฮอร์โมน (Growth Hormone)หรือที่ใครๆพูดกันว่าฮอร์โมนหน้าเด็กนั้นเอง Growth Hormone จะหลั่งออกมาในช่วง 23.00 น.-1.30 น.ของแต่ละวันเท่านั้น โดยถ้าใครที่นอนหลับในช่วงนี้เป็นต้นไปจนตื่นขึ้นมาเองในตอนเช้า คุณมาถูกทางแล้วในการเริ่มต้นดูแลตัวเองในเรื่องของการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอ
✅2.เริ่มกินอาหารที่มีประโยชน์
การเริ่มกินอาหารที่มีที่มีประโยชน์ทุกๆคนก็พอจะทราบกันแล้วคือ กินอาหารให้ครบ 5 หมู่
• อาหารหลักหมู่ที่ 1 โปรตีน
( เนื้อสัตว์ ไข่ นม ถั่ว ) หรือโปรตีนเสริม
• อาหารหลักหมู่ที่ 2 คาร์โบไฮเดรต
( ข้าว แป้ง น้ำตาล เผือก มัน )
• อาหารหลักหมู่ที่ 3 เกลือแร่ และแร่ธาตุต่าง ๆ
( พืชผัก )
• อาหารหลักหมู่ที่ 4 วิตามิน ( ผลไม้ ) หรือวิตามินเสริม
• อาหารหลักหมู่ที่ 5 ไขมัน ( ไขมันจากพืชและสัตว์ )
โดยบางหมู่ทุกๆคนก็สามารถเลือกกินเสริมได้จากแหล่งต่างๆได้เช่นบางคนอยากกินโปรตีนให้พอก็เลือกกินเวย์โปรตีน เสริม หรือ วิตามินบางคนไม่ชอบกินผลไม้ก็เลือกกินวิตามินในรูปแบบเม็ด น้ำหรือผง ซึ้งปัจจุบันมีให้เลือกมากมาย
เพราะฉะนั้นเลือกกินแต่อาหารที่มีประโยชน์ก็จะส่งผลให้สุขภาพร่างกายและหน้าตาผิวพรรณก็จะสดชื่นขึ้น
✅3.เริ่มออกกำลังกาย
การเริ่มออกกำลังกายทุกคนอาจจะมองว่ายากจังฉันเหนื่อยแค่ทำงานเลิกงานกลับบ้านก็เหนื่อยแล้วจะเอาเวลาไหนไปออก อยากให้ทุกคนลองเริ่มจากการ ออกกำลังการแบบง่ายๆเพียง 15-30 นาที 3-4 วันต่อสัปดาห์
เพียงเท่านี้ก็เป็นการเริ่มต้นดูแลตัวเองแล้ว พอเราทำไปได้ระดับหนึ่งร่างกายก็จะมีความแข็งแรงขึ้น สดชื่นขึ้นอย่างแน่นอนก็จะส่งผลให้หน้าตาสดชื่น สดใสกันได้เลยทีเดียว
⛳️มาเริ่มดูแลตัวเองให้ดูดีมีออร่ากันนะคะ เพียงแค่ 3 เริ่มเท่านั้น 😊
โปรตีนมีกี่แบบกันเนี้ย? มาทำความเข้าใจกันตรงนี้เลยฮิตกันซะเหลือเกิน
อาหารเสริมยอดนิยมสำหรับคนเล่นกล้าม คนลดน้ำหนัก ควบคุมอาหาร อิ่มนาน นั้นนี่โน่นเยอะไปหมด แล้วโปรตีนมันมีกี่ชนิด มาทำความเข้าใจจะได้เลือกกินกันได้ตามเป้าหมาย
ต้องเกริ่นนำก่อนว่าบ้างคนก็งงว่าโปรตีนที่เห็น ที่ได้ยินมา ว่ามีโปรตีนจากพืช อ้าวแล้วเวย์โปรตีนมาจากไหน
โปรตีนมาได้จากหลายแหล่งเช่น อาหารจำพวกนม เนื้อสัตว์ต่างๆ หมู ปลา ไก่เนื้อ ไข่ไก่ และมาจากพืช เช่นถั่วเหลือง อาหารจำพวกถั่วต่างๆล้วนแล้วแต่มีโปรตีนในสัดส่วนมากน้อยตามแต่ปริมาณการกินของแต่ละชนิด
วันนี้เราจะมาพูด 2 แหล่งใหญ่ๆเลย คือ โปรตีนที่มาจากนมและพืช เพราะเป็น 2 แหล่งที่ปัจจุบันได้รับความนิยมมาก
1. โปรตีนจากนม หรือมีชื่อเรียกว่า เวย์โปรตีน คือโปรตีนที่สกัดมาจากนมวัว ในส่วนที่เหลือจากการทำชีส เพราะขั้นตอนในการทำชีสนั้น ใช้แบคทีเรียเพื่อทำการแยกไขมัน+โปรตีนนม ออกจากของเหลว ทำให้จับเป็นก้อน ซึ่งน้ำที่แยกออกมานั้น เรียกว่า เวย์ (Whey) และนำส่วนนี้ไปผ่านกระบวนการผลิตออกมาเป็นเวย์โปรตีนในรูปแบบผงที่เราเห็นกันนั้นเอง
จะพูดง่ายๆเวย์ก็คือส่วนที่สกัดมาจากนมแล้วทำให้แห้งเป็นผงๆเพื่อสะดวกในการเก็บและง่ายต่อการกินนั้นเองและจะมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายครบ เสริมสร้างกล้ามเนื้อได้ดี
2. โปรตีนจากพืช คือสกัดและทำมาจากพืชเช่นถั่วเหลือง ถั่วลันเตา และอื่นๆอีกมากมายโปรตีนพืชก็มีคุณสมบัติที่คล้ายกันกับเวย์โปรตีนแต่จะกรดอะมิโนจำเป็นไม่ครบ หรือมีสัดส่วนที่น้อยกว่าเวย์โปรตีน แต่อาจจะเหมาะกับกลุ่มคนที่กินนมแล้วแพ้ หรือคนที่ทานมังสวิรัติก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
แต่โดยรวมก็แล้วแต่ชอบกันเลยเพราะรสสัมผัสก็จะแตกต่างกันมากโดยโปรตีนพืชจะออกไปทางกากใยอาจจะไม่คล่องคอเท่าเวย์โปรตีนที่ทำมาจากนม สรุปตรงนี้ ก็แล้วแต่ความชอบกันเลยนะคะ
เวย์โปรตีน แบ่งเป็น 3 ชนิด แล้วที่เราหามากินกันนั้นมันเป็นชนิดไหนกันนะ
เวย์โปรตีน คือ แหล่งของโปรตีนคุณภาพสูง ที่เต็มไปด้วยสารอาหารที่สำคัญ และกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย สกัดได้จากนมวัว
โดยการสกัดนี้ได้นำเอาคาร์โบไฮเดรตและไขมันออกไป ให้เหลือแค่โปรตีนอย่างเดียว เพื่อให้ร่างกายได้รับโปรตีนที่ครบถ้วนต่อความต้องการในแต่ละวัน จากนั้นก็นำมาผ่านกระบวนการทำให้แห้งเพื่อให้เป็นผง และสามารถเก็บไว้ได้นาน รวมทั้งชงทานได้อย่างง่ายดาย
เวย์โปรตีน แบ่งออกเป็น 3 ชนิด
1 เวย์โปรตีนคอนเซนเทรต (WPC-Whey Protein Concentrate)
เวย์โปรตีนชนิดนี้ จะมีความเข้มข้นอยู่ประมาณ 70-80% เป็นผงสีครีมอ่อน และมีกลิ่นรสตามธรรมชาติแบบนม เต็มไปด้วยกรดอะมิโนครบทั้ง 20 ชนิด และกรดอะมิโนจำเป็นอีก 8 ชนิดที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้ ทำให้กล้ามเนื้อได้ดี และเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
2 เวย์โปรตีนไอโซเลต(WPI-Whey Protein Isolate)
เวย์โปรตีนชนิดนี้ได้จากการนำ เวย์โปรตีน คอนเซนเทรท มาผ่านกระบวนการผลิตเพิ่มเติม ทำให้มีความเข้มข้นของโปรตีนสูงขึ้นไปอีก มากกว่า 90% เป็นผงสีครีมอ่อน และมีกลิ่นธรรมชาติแบบนมเหมือนกัน เวย์โปรตีนชนิดนี้จะมีราคาที่ค่อนข้างสูง แต่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสร้างมวลกล้ามเนื้อแบบลีนไขมัน
3 เวย์โปรตีนไฮโดรไลซ์ (HWP-Hydrolyzed Whey Protein)
เป็นเวย์โปรตีน ที่ผ่านกระบวนการไฮโดรไลซ์ ทำให้โมเลกุลของเวย์โปรตีนที่มีขนาดใหญ่ ถูกย่อยจนเป็นเปปไทด์ ทำให้มีโปรตีนบริสุทธิ์สูงถึง 100% ซึ่งมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์บอกด้วยว่า เวย์โปรตีนในรูปแบบของเปปไทด์นั้นร่างกายจะดูดซึมได้ดีที่สุด ซึ่งมีงานวิจัยทางคลินิกแสดงให้เห็นว่าเวย์โปรตีน
สามารถช่วยส่งเสริมภาวะโภชนาการ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโรคมะเร็งดีขึ้นได้ โดยส่วนมากแล้ว มักจะนำไปผสมกับเวย์ชนิดอื่น ตามสูตรของแต่ละคน เพื่อให้ง่ายต่อการรับประทานเพราะเวย์ชนิดนี้จะมีรสขม
ในปัจจุบัน คนกินโปรตีนส่วนใหญ่มีเป้าหมายอยู่ 2 ประเภทใหญ่ ๆ
1.ออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก
2.ออกกำลังกายเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ
โดยคนที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อมักจะพิถีพิถันในการกินอาหารเป็นพิเศษ โดยเน้นกินอาหารประเภทโปรตีนไขมันต่ำ และที่ได้รับความนิยมสูงก็คือ เวย์โปรตีนสำเร็จรูป แต่นอกจากเวย์โปรตีนแล้วก็ยังมีอาหารทางเลือกอื่น ๆ อย่างเช่น ไข่ขาวและอกไก่ นมประเภทต่างๆ ที่ให้โปรตีนไม่แพ้กัน
โดยคน 2 กลุ่มเป้าหมายดังกล่าวก็จะมีการกินโปรตีนที่แตกต่างกัน
• ในคนทั่วไปต้องการโปรตีน 0.8-1 กรัม/น้ำหนักตัว
1 กิโลกรัม/วัน
• ในคนที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อต้องการโปรตีน 2-3 กรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน (มากกว่าคนทั่วไป 2-3 เท่า)
ยกตัวอย่างการรับประทานอาหารในคนที่มีน้ำหนักตัว 75 กิโลกรัม
1.หากเป็นคนทั่วไปจะต้องได้รับโปรตีน = 75 x 1 เท่ากับ 75 กรัม/วัน
2.ถ้าสำหรับคนที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อจะต้องได้รับโปรตีน = 75 x 2 หรือ 3 เท่ากับ 150-225 กรัม/วัน
ดังนั้นใน 1 วันเราก็รู้ว่าจะต้องกินโปรตีนเท่าไหร่ตามน้ำหนักและเป้าหมายของเราเอง โดยจะแบ่งกินมื้อเช้า เที่ยง เย็นระหว่างออกกำลังกาย หรือหลังออกกำลังกาย ในปัจจุบันนี้เวย์โปรตีนเป็นตัวช่วยที่ดีเพราะดื่มง่ายได้โปรตีนสูง และประหยัดเวลา แต่อย่าลืมว่าต้องรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ด้วย เพียงแค่นี้ก็ไปถึงเป้าหมายของแต่ละคนแล้ว
ENPROWHEY PROTEIN FOR LIFE
ลิขสิทธิ์ ©2024 Enpro Whey Protein for Life - สงวนสิทธิ์ทุกประการ
เราาใช้คุกกี้ในการวิเคราะห์การเข้าชมเว็บไซต์และปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดีขึ้น เมื่อยอมรับการใช้งานคุกกี้ของเรา เราจะรวบรวมข้อมูลของคุณกับข้อมูลผู้ใช้อื่นๆ ทั้งหมด